หลายครั้งที่ผมได้มีโอกาสยืนสง่าอยู่บนเวที สิ่งที่ประทับใจที่สุดคือการได้ทำให้ตัวเองมีความสุขและคนอื่นมีสุขตามไปด้วยว่าที่ร้อยตรี ศุภชัย ทองเพ็ง ชื่อเล่น โด่ง หรือ DJ. โด่ง นาวา เพราะสมัยเรียน ปวช. และ ปวส. ผมมีโอกาสจัดรายวิทยุชุมชน เพราะอยากฝึกตนเอง บางคนจึงเรียกติดปากว่า “ดีเจ” ผมอายุ 22 ปี สิ่งที่ผมภาคภูมิใจมากคือ การรับรางวัลพระราชทาน นักเรียนรางวัลพระราชทาน และเยาวชนคนเก่ง ฯ องค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี อีกทั้งมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯและรับพระราชทานเข็มและโล่จากองค์สมเด็จพระเทพฯ ในหลายครั้งที่ผ่านมา นับเป็นภาคภูมิใจในชีวิต
ปัจจุบันผมศึกษาอยู่ที่ สาขาบัญชีคณะเทคโนโลยีการจัดการมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช (ไสใหญ่) ชั้นปีที่ 3 เส้นทางการก้าวเข้าเป็นนักร้องของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน สำหรับผมนั้นแรงจูงใจหรือแรงผลักดันให้ก้าวเข้ามาเป็นนักร้อง ก็เพราะเราเป็นคนที่ชอบการแสดงออกถึงความกล้าหาญและความท้าทายความสามารถ โดยเฉพาะการเป็นนักร้องที่ยืนสง่าอยู่บนเวที แล้วมีคนปรบมือให้กำลังใจมากๆ เสมือนกับการที่ผมได้ทำหน้าเป็นพิธีกร วิทยากร หรือการทำหน้าที่เป็นนักจัดการวิทยุเป็นต้น ฯ ผมชอบร้องเพลงลูกทุ่งตั้งแต่เด็ก มันเป็นเสมือนเพื่อนเราเพราะเมื่อไหร่ที่เราได้ฟังหรือร้องเพลงลูกทุ่งก็ย่อมส่งผลทำให้เรามีความสุข สมัยยังเป็นเด็กผมร้องเพลงขั้นเริ่มต้นก็ยังไม่เป็น แต่เราต้องฝึกฝนบ่อยๆ ก็เหมือนที่เขาบอกว่าคนเราถ้าได้ทำในสิ่งที่เรารักและชอบก็จะทำมันอย่างเต็มที่ขณะเรียนชั้นประถมศึกษาคุณครูก็พาไปร้องเพลงวันสำคัญต่างๆ วันพ่อ วันแม่ ฯลฯ ยิ่งทำให้เรามีการพัฒนาตนเองและมีความกล้าแสดงออกมากขึ้น ซึ่งบางครั้งร้องผิดก็มี (บ่อยครั้ง) ผมเป็นคนแปลกมากไปเข้าห้องน้ำ หรือเข้าไปห้องที่เมื่อส่งเสียงแล้วดังกังวานผมชอบร้องเพลง จนบางทีเพื่อนหรือคนที่เข้าห้องน้ำด้วยหาว่าเราบ้าหรือเปล่า แต่ผมก็ยังคงร้องต่อไปอย่างไม่อายใคร จากนั้นก็ได้เข้าสู่วิทยาลัยฯ ใกล้บ้าน เพื่อเรียนต่อระดับชั้นปวช. และ ปวส.วิทยาลัยก็มีการประกวดร้องเพลง ผมก็ไม่หยุดความตั้งใจ ไปสมัครร้องเพลงอีก จนชนะเลิศระดับภาคใต้ และระดับชาติ และที่มีการประกวดหรือร้องเพลงทุกที่ผมสมัครเพื่อประกวดทั้งหมดผมมีโอกาสได้รับรางวัลมากมายทั้งเงินสด สิ่งของ จากหลายๆ ท่าน และที่ผมดีใจไปกว่านั้นคือได้รับรางวัลจากศิลปินด้วยกัน พี่บ่าววี พี่หลวงไก่ พี่อาภาพร นครสวรรค์ ฯลฯ จนเป็นที่ยอมรับว่าในเรื่องการร้องเพลงของผม หรือเป็นเพราะพอเราได้ขึ้นร้องเพลงเรายังได้ใส่ชุดหล่อๆ มีสาวๆเดนเซอร์สวยๆ เคียงข้าง และอีกทั้งยังได้ตังค์และได้ใจแฟนเพลงอีกด้วย ถือว่าแรงจูงใจและกำไรชีวิตจริงๆ โดยเฉพาะแถวบ้านมีงานสังสรรค์หรืองานเลี้ยง งานมงคลต่างๆ ก็ต้องมีชื่อ “โด่ง นาวา” ขึ้นร้องเพลง ถ้าใครไม่เชิญผมก็ขึ้นร้องเอง เพราะบางครั้งผมเป็นพิธีกรเองด้วย ที่ไหนมีการประกวดผมก็ไป ถ้ามีคนรู้จักมากเท่าไหร่ผมยิ่งประทับใจมากเท่านั้น ตอนเรียน ปวช. ผมก็ต้องตื่นกรีดยางพาราตั้งแต่ ตีหนึ่ง ตีสอง เพราะต้องช่วยเหลือแม่ ตอนกรีดยางไปผมร้องเพลงไปด้วย จนสวนยางใกล้ๆ ก็ชื่นชมไปด้วย หรือตอนพักเที่ยงก็ต้องร้องเพลง หรือเมื่อเราเศร้า เหงา ดีใจ ตื่นเต้น ก็มีอยู่ในเพลงทั้งหมดเมื่อผมได้มีโอกาสเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช (ไสใหญ่)ก็เช่นกัน ก็หนีไม่พ้นกับการได้ทำในสิ่งที่เราชอบ ก่อนเข้าเนื้อหา เพื่อนๆ และอาจารย์ก็จะให้ผมนั้นร้องเพลงจนเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของผมก็คือการร้องเพลงลูกทุ่ง ก็เหมือนที่กล่าวข้างต้น ผมเข้าห้องน้ำผมก็ต้องร้องเพลงจนเพื่อนแซวว่า “มีอยู่คนเดียวที่ร้องเพลงในห้องน้ำ ไม่ต้องถามว่าเขาผู้นั้นเป็นใคร ผู้นั้นคือ โด่งนั่นเอง”เมื่อมาเรียนที่มหาลัยผมก็มีโอกาสได้ขึ้นร้องเพลงที่คณะเทคโนโลยีการจัดการจัดงานประกวดร้องเพลงหรือจัดกิจกรรมต่าง หรือคณะอื่นจัดก็ตามผมก็ไปเข้าร่วมทุกกิจกรรมหมดอย่าให้รู้นะ จนตอนนี้ไม่ได้โม้นะ โล่และเกียรติบัตรเต็มบ้านไปหมดเลย
ยามที่เหนื่อยล้าหรือหมดหวัง การได้ร้องเพลงหรือฟังเพลง ย่อมเป็นเพื่อนที่ให้กำลังใจเราอย่างดียิ่งเลยทีเดียวเมื่อไปร้องเวทีท้องถิ่นมาก็เยอะแล้วอยากไปร้องเวทีระดับประเทศเหมือนกันก็หวั่นๆ อยู่เหมือนกันว่าจะไปรายการอะไรดี จนได้ยินกันว่ารายการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งชิงช้าสวรรค์ ไมค์ทองคำครั้งที่ 3 จะมาออดิชั่นที่ภาคใต้เรา ผมดีใจมากแต่ต้องอด เพราะติดเรียน วันนั้นเดินทางจะไปเรียน นั่งอยู่ในห้องเรียนก็ครุ่นคิดอยู่ว่าเสียดายที่วันนี้เป็นวันรับสมัครรอบออดิชั่นเราไม่ได้ไปเสียดายมาก จนนั่งเรียนไปได้สักพักก็ตัดสินใจขณะนั้นเลยว่าไม่ได้แล้วเราต้องไปรายการทีวีสักครั้ง ต้องไปให้ได้ จึงขออนุญาตอาจารย์ผู้สอนขอลาไปทำตามความฝันสักครั้ง จากนั้นเลยครับ ทำอย่างไร เวลาก็เดินไปเรื่อย ตังค์และรถ ก็ไม่มี ตัดสินใจยืมมอเตอร์ไซค์เพื่อนขับจาก อำเภอทุ่งสง ไปจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไปทันที แวะไปเอาตังค์ที่บ้าน ไปทันทีระยะทางก็ประมาณ 200 กว่ากิโลเมตร ก็ด้วยความตั้งใจแล้วถึงไกลแค่ไหนก็ไป ขับรถไปด้วยร้องเพลงไปด้วยเพื่อฆ่าเวลาให้ถึงจุดหมายภายในเวลา ใจก็กังวลอยู่ว่าทันหรือเปล่าแต่อุปสรรคก็ไม่สามารถขวางคนที่พยายามได้หรอก จนไปถึงที่รับสมัครและออดิชั่นกัน ใช้เวลาขับรถประมาณ 3 ชั่วโมง ก็ถึงตามปรารถนา ก็เข้าไปสมัครและร้องเพลง จนมีโอกาสได้รับการสัมภาษณ์ด้วยวันนั้นดีใจมาก จากนั้นก็ต้องรอประมาณ 2 เดือน กว่าที่จะประกาศผลว่าจะได้ไปต่อหรือไม่ รอเวลามานานจนวันนั้นเวลาค่ำพอดี ทางทีมงานรายการฯ แจ้งว่าคุณผ่านออดิชั่นได้ไปต่อ ผมดีใจสุดๆ ที่ความฝันที่เราตั้งใจไว้ใกล้เป็นจริงแล้ว จากนั้นก็ได้เดินทางไปประกวดร้องเพลงที่ สตูดิโอ Work point จังหวัดปทุมธานี กรรมการ 3 ท่าน เป็นผู้ตัดสิน คือ อ.โน๊ต,อ.สุนารี, และ อ.สลา ผลการตัดสินคือ ได้ 3 ผ่าน เลย ถือว่าการร้องเพลงบนรายการทีวีคือเป็นสิ่งที่เราภาคภูมิใจแล้วถึงจะผ่านหรือไม่ก็ตาม
ซึ่งความสำเร็จในการร้องเพลงในครั้งนี้ผมต้องขอขอบคุณที่มหาลัยฯ แห่งนี้ได้ให้โอกาสที่สำคัญเลยในเรื่องของการศึกษา และอีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าอาหาร ค่าที่พักเป็นอย่างดี อีกทั้งสนับสนุนให้นักศึกษาได้ปฏิบัติในสิ่งที่รัก และต้องขอบคุณกำลังใจจากพ่อแม่ คณะครูและอาจารย์ ญาติพี่น้อง เพื่อนๆ และทุกคน ที่ส่งกำลังใจและคอยสนับสนุน ผมไม่อาจจะตอบแทนด้วยสิ่งของมีค่าแต่อย่างใด แต่สิ่งที่ผมจะตอบแทนได้คือเป็นคนดีของสังคมและจะตั้งใจทำหน้าที่ อบรมพัฒนาตัวเอง เพราะผมเชื่อว่าคนจะเก่งได้ ก็ต้องเป็นคนดีมีความขยันหมั่นเพียร มีความอดทน และความกตัญญูกตเวทีเป็นหลัก จะเป็นแรงผลักให้เรานั้นก้าวหน้าและประสบความสำเร็จในชีวิตต่อไป